Growing crops vertically to maximize space, usually in a controlled indoor environment, is known as vertical farming. This approach produces high crop yields, allowing for year-round food production in any climate and allowing farms to concentrate on priorities such as food safety and quality.

What Are The Benefits of Vertical Farming?

To save space, indoor vertical farming includes growing crops in vertical layers. Vertical farms' success depends on the use of soilless growing techniques such as hydroponic farming. Plant growth, health, flavor, and yield are all improved by combining technology with a regulated indoor growing environment.

Here are some of the benefits of vertical farming that every consumer should know about:

Food Production All Year Round

Indoor vertical farms can grow 365 days a year, no matter what the weather is like outside. Storms and extreme weather events do not have the same impact on vertical farms as they do on conventional farms.

Year-round, consistent food production is possible in a climate-controlled setting. This dependability ensures that consumers have access to fresh, locally grown products throughout the year.

Less Land is Used

Our farmers can grow more food in less space by using vertical farming instead of typical horizontal row farming. Vertical farms can be set up anywhere, regardless of soil quality.

A vertical farm can be built out of anything from an abandoned warehouse to a storage facility or a shipping container in the city. Produce can now be grown closer to population centers, even in areas where adequate farmland is scarce. Repurposing abandoned industrial structures as vertical farms have the potential to spare forests from being removed to make room for more agriculture.

Sustainable Farming

Vertical farming is an environmentally friendly method that emphasizes sustainable methods. Vertical farms reduce both food miles and food waste associated with long-haul transportation by producing crops close to cities.

Additionally, vertical farming provides for better resource management. Water can be caught and recycled; in comparison to typical agriculture, indoor vertical farms use 90 percent less water than conventional farming.

Although electricity is required to pump water and nutrients and to provide artificial lighting for the plants in vertical farms, most of the environmental impact and expense can be reduced by measures such as thermal insulation. Pesticides and herbicides are not used in vertical farming, and fertilizer runoff is avoided, which can be hazardous to the environment.

Less Distance From Farm to Plate

Food may be grown closer to where it is consumed by converting industrial buildings into smart indoor vertical farming systems.

Produce grown closer to the market where people purchase reduces food miles and waste by reducing the time between harvest and shelf appearance.

When long-haul transportation is eliminated, farms like LED Farm can concentrate on selecting seeds for quality and flavor rather than durability and storability. Another victory for the consumer!

Food Production That is Safe

Another benefit of vertical farming is the production of safe food. Since 2010, 15 multi-state E. coli outbreaks in the United States have been linked to leafy greens. As a result, food safety has become a key worry for consumers. These outbreaks are frequently caused by contaminated black water runoff and irrigation water from surrounding livestock farms. Tracing the origins of each outbreak is very difficult.

LED Farm avoids contamination from runoff. We also filter our irrigation water for safety reasons, and because we regulate every step of the process from seed to store, the risk of outbreaks is considerably decreased.

Our self-contained, fully traceable food supply chain is designed to give consumers peace of mind.

ฟาร์มแนวตั้งคืออะไร?

ฟาร์มแนวตั้ง คือชื่อเรียกวิธีการปลูกพืชแบบแนวตั้ง โดยใช้พื้นที่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนใหญ่มีการควบคุมสภาพแวดล้อม และปลูกในร่ม ซึ่งวิธีการปลูกพืชแบบนี้ให้ผลผลิตสูง มีผลผลิตตลอดทั้งปีในทุกสภาพอากาศ ปลอดภัย และสามารถตรวจสอบย้อนหลังถึงแหล่งที่มาได้

ประโยชน์ของการปลูกพืชแนวตั้งคืออะไร?

ประโยชน์หลักๆของการปลูกพืชแนวตั้งคือประหยัดพื้นที่ การเจริญเติบโตของพืช คุณภาพ รสชาติ และผลผลิตทั้งหมดได้รับการควบคุมโดยการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการควบคุมสภาพแวดล้อม

นี่คือประโยชน์ของการปลูกพืชแนวตั้งที่ผู้บริโภคทุกคนควรรู้:

มีผลผลิตตลอดทั้งปี

การปลูกพืชแบบแนวตั้งในร่มหรือในอาคาร สามารถทำได้ทั้งปี โดยไม่ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศภายนอก จึงทำให้มีผลผลิตอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี และด้วยเหตุผลนี้เองทำให้มั่นใจได้เลยว่าผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผักสดที่สดใหม่และปลูกในประเทศได้ตลอดทั้งปี

ใช้พื้นที่น้อยลง

เกษตรกรแนวตั้งสามารถปลูกผักได้มากขึ้นโดยใช้พื้นที่น้อยลง จากการปลูกแบบแนวตั้งแทนแนวราบ นอกจากนี้การปลูกพืชแนวตั้งสามารถทำได้ทุกที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงคุณภาพของดิน

ฟาร์มแนวตั้งสามารถติดตั้งอยู่ภายในหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นโกดังร้างไปจนถึงโกดังเก็บของหรือตู้คอนเทนเนอร์ในเมือง ผลผลิตปลูกได้ใกล้ผู้คนมากกว่าเดิม แม้ในพื้นที่ที่มีพื้นที่เพาะปลูกไม่เพียงพอ การนำโครงสร้างอุตสาหกรรมที่ถูกทิ้งร้างกลับมาใช้ใหม่เพื่อการทำฟาร์มแนวตั้ง ช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อพื้นที่การเกษตร

เกษตรกรรมยั่งยืน

การปลูกพืชแนวตั้งเป็นวิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เน้นวิธีการที่ยั่งยืน ช่วยลดทั้งระยะทางในการเดินทางของอาหาร และช่วยลดปริมาณของเสียหรือขยะอาหาร จากการขนส่งทางไกลด้วยการเก็บเกี่ยวผลผลิตใกล้กับเมือง

นอกจากนี้การปลูกพืชแนวตั้งยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรอีกด้วย น้ำก็สามารถนำมารีไซเคิลหรือใช้ซ้ำได้ เมื่อเทียบกับการเกษตรทั่วไปการปลูกพืชแนวตั้งใช้น้ำน้อยกว่าถึง 90 %

แม้ว่าไฟฟ้าจะยังถูกใช้เพื่อให้แสงสว่างสำหรับพืช ในการควบคุมอุณภูมิ และในการแบ่งจ่ายน้ำและสารอาหาร ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่สามารถลดลงได้ด้วยมาตรการต่างๆ เช่น การใช้ฉนวนกันความร้อนเพื่อคงอุณหภูมิภายในห้องปลูกและลดพลังงาน นอกจากนี้การปลูกพืชแนวตั้งยังไร้สารกำจัดศัตรูพืชและไร้สารกำจัดวัชพืช ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการไหลบ่าของผิวดิน ที่อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

ระยะทางจากฟาร์มถึงมือคุณน้อยลง

อาหารอาจเติบโตใกล้กับผู้บริโภคโดยการเปลี่ยนอาคารอุตสาหกรรมให้เป็นฟาร์มแนวตั้งในร่ม ผลผลิตที่เติบโตใกล้กับตลาดที่ผู้คนซื้อจะช่วยลดระยะทางของอาหารและลดปริมาณของเสียลง โดยลดระยะทางระหว่างฟาร์มและชั้นวางในซุปเปอร์มาร์เก็ต

กระบวนการผลิตที่ปลอดภัย

ข้อดีอีกอย่างของการปลูกพืชแนวตั้งคือการผลิตอาหารที่ปลอดภัย ในปี 2010 ประเทศสหรัฐอเมริกามีการระบาดของโรค E. coli ในหลายรัฐ 15 ครั้งมาจากผักใบเขียว ส่งผลให้ความปลอดภัยของอาหารกลายเป็นความกังวลหลักสำหรับผู้บริโภค การระบาดเหล่านี้มักเกิดจากการไหลบ่าของน้ำดำที่ปนเปื้อนและน้ำชลประทานจากฟาร์มปศุสัตว์โดยรอบ ซึ่งการติดตามต้นกำเนิดของการระบาดแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ยากมาก

ฟาร์มของ LED Farm หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนจากการไหลบ่าเพราะเราปลูกในระบบปิด นอกจากนี้น้ำที่ใช้ก็เป็นน้ำที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วย Reverse Osmosis (RO) เราใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิตตั้งแต่เพาะเมล็ดจนถึงเก็บเกี่ยว